Record Knowledge 7
Monday 16 September 2019
** The knowledge **
วันนี้เรียนรวม 2 ห้อง เพื่อมานำเสนอนวัตกรรมการศึกษาต่าง ๆ ที่ตนเองจับฉลากได้มานำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ที่ตนเองไปศึกษาหามา
กลุ่มที่ 1 นำเสนอนวัตกรรม "ไฮสโคป High Scope"
เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำผ่านมุมเล่นที่หลาากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ซึ่งตรงตามทฤษฏีพัฒนาการทางสติปัญญา ( Cognitive Theory ) ของเพียเจต์ ( Piaget ) นักการศึกษาที่สำคัญคนนึ่งของโลก ความสำคัญในด้านพื้นฐานโดยเฉพาะการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน จะเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ ( Active Learning ) เพราะเด็กจะได้รู้จากประสบการณ์ตรงทำให้เกิดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักการลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง แนวการสอนแบบไฮสโคป ( High Scope ) ใช้หลักประฏิบัติ 3 ประการ คือ
1. การวางแผน ( Plan )
2. การปฏิบัติ ( Do )
3. การทบทวน ( Review )
** ประโยชน์ของแนวการไฮสโคป ( High Scope ) ที่มีต่อเด็ก
1. สอนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น ซึ่งเริ่มต้นจากความไว้วางใจโดยครูเป็นผู้สร้างความไว้วางใจให้แก่เด็กเพื่อให้เด็กได้ลงมือทำกิจกรรมหรือชิ้นงานตามความสนใจของตนเองและมีความสนุกในการเรียนรู้ทที่จะทำงาน
2. การลงมือทำงานฝึกให้เด็กวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ
3. เด็กได้ฝึกสมาธิทำให้เด็กเกิดปัญญา ฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกการคิดอย่างมีความหมาย ผลที่ตามมาคือ ความสำเร็จ ในการทำงานที่ได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ได้เรียนรู้และมีความสุขในการมำงานที่ตนสนใจ

กลุ่มที่ 2 นำเสนอนวัตกรรม "ไฮสโคป High Scope"
วงล้อแห่งการเรียนรู้ของไฮสโคป เมื่อเด็กได้ "เรียนรู้แบบลงมือทำ" เด็กจึงจะสร้างองค์ความรู้ได้ ตั้งแต่การมีส่วนเลือกแลกตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ เอง วิธีนี้เด็กจะเกิดการเรียนรู้มากกว่าการเป็นฝ่ายรับ การมี "ปฏิสัมพันธ์ผู้อื่น" ทั้งกับครูและเพื่อน ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ระหว่างกัน จึงมีโอกาสแก้ปัญหาต่าง ๆ "การจัดสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้" ให้เด็กมีสื่อให้เล่นอิสระ หลากหลายและพอเพียง การมี "กิจวัตรประจำวัน" จะทำให้เด็กได้พบประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งของความรู้เด็กจะได้รับเมื่อผ่านการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ นั่นเอง จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของคุณครูที่เป็นผู้ทำ "การประเมิน" พัฒนาการเด็ก
* หัวใจของไฮสโคปเน้นให้เด็กเรียนรู้แบบลงมือทำผ่านการเล่น
ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการ
เพื่อให้เด็กมรประสบการณ์ตรงกับคน สิ่งของ เหตุการณ์ และความคิด ส่งเสริมให้รู้จักคิดวิเคราะห์ได้และคิดสร้างสรรค์เป็น สามารถ แก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้นโดยครูจะเป็นผู้สนับสนุนให้เด็กเกิดกระบวนการ
วางแผน - ลงมือทำ - และทบทวน ( Plan - Do - Review )


กลุ่มที่ 3 นำเสนอนวัตกรรม "โปรเจคแอพโพส Project Approach"
คือวิธีการสอนรูปแบบหนึ่งที่ได้ให้โอกาสเด็กปฐมวัยเรียนรู้โดยการสืบค้นข้อมูลอย่างลึกในหัวเรื่องที่เด็กสนใจ มีค่าต่อการเรียนรู้ การสืบค้นอาจทำโดยเด็กกลุ่มเล็ก ๆ หรือเด็กทั้งชั้นร่วมกันหรืออาจเป็นเพียงเด็กคนใดคนหนึ่ง เพื่อหาคำตอบจากคำถามที่เด็กร่วมกันคิดค้นด้วยกันกับเพื่อนหรือร่วมกันคิดกับครู และทำให้เกิดกระบวนการสืบค้นขึ้นมา
วิธีการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ
- ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลากำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร กำหนดขอบเขตเนื้อหาและวิธีการศึกษา
- ระยะที่ 3 ดำเนินโครงงานตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอบแบบโครงงาน เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง ( Secondary Sources ) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
- ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอน การประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปแบบของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน


กลุ่มที่ 4 นำเสนอนวัตกรรม "STEM"
คำว่า "สะเต็ม" หรือ "STEM" เป็นคำย่อมาจากภาษาอังกฤษของศาสตร์ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics)
หมายถึงองค์ความรู้วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ต่าง ๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน
- สะเต็มศึกษา คือ แนวทางการจัดการศึกษาที่บูรณาการความรู้ใน 4 สหวิทยาการ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ โดยเน้นการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือการผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการทำงาน ช่วยนักเรียนสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง 4 สนวิทยาการ กับชีวิตจริงและการทำงาน การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ไม่เน้นเพียงการท่องจำทฤษฏีหรือกฏทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจทฤษฏีหรือกฏเหล่านั้นผ่านการปฏิบัติ ให้เห็นจริงควบคู่กับการพัฒนาทัษะกระบวนการคิด ตั้งคำถาม แก้ปัญหาและการหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆ พร้อมทั้งสามารถนำข้อค้นพบนั้นไปใช้หรือบูรนาการกับชีวิตประจำวันได้
- สะเต็มมีลักษณะ 5 ประการ ได้แก่
1. เป็นการสอนที่เน้นการบูรนาการ
2. ช่วยนักเรยีนสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาวิชาทั้ง 4 กับชีวิตประจำวันและการทำอาชีพ
3. เน้นการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
4. ท้าทายความคิดของนักเรียน
5.เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น
๐๐ กิจกรรมเกี่ยวกับ เรือบรรทุกสินค้า ในกิจกรรมจะเป็นการทำให้มันลอยน้ำ
-เพื่อให้เด็กคิดหาวิธี เมื่อทำได้แล้วให้วางเหรียญบนดินน้ำมัน วางมากดินน้ำมันก็จม เลยมีอุปกรณ์อีก 1 อย่างคือหลอด *เด็กก็จะหาวิธีแก้ไขเพื่อไม่ให้ดินน้้ำมันจมได้อีก (ครูเข้าไปดู หรืออาจจะอำนวยความสะอาดให้กับเด็ก)๐๐


๐ Teaching Methodes ๐
-อาจารย์ได้นำเสนอวิธีที่แตกต่างออกไปเพื่อให้เรามีความรู้มากขึ้น
-อาจารย์ได้นำเสนอวิธีที่แตกต่างออกไปเพื่อให้เรามีความรู้มากขึ้น
๐ Apply ๐
-ทำการนำเสนอออกมาให้ดีและน่าสนใจ
๐ Evalaute Teaching and Learning ๐
Self-assessment
-วันนี้ไม่ได้เข้าเรียน เนื้อหาการบันทึกในครั้งนี้อ้างอิงมาจากนางสาว ปรางทอง สุริวงษ์
Evalaute friend
-แต่งกายเรียบร้อยตั้งใจเรียนทุกคน
Evalaute teacher
-อาจารย์รับฟังทุกกลุ่มและแนะนำข้อควรเพิ่ม
-แต่งการเหมาะสมในการเข้าสอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น