Record Knowledge 8
Monday 23 September 2019

๐๐THE KNOWLEDGE๐๐ 
          กลุ่มที่ 5 นำเสนอนวัตกรรม (Executive Functions) EF
                    เป็นกระบวนการทางลัด (Mental process) ในสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคิด ความรู้สึก และการกระทำ เช่น การยั้งใจคิดไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมาย วางแผน ความมุ่งมั่น การจดจำและเรียกใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญ ของเรื่องต่าง ๆ และการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นตอนจนบรรลุความสำเร็จ
                     ช่วงวัย 3-6ปีนี้ เป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ พ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยีงพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัย


* Executive Functions (EF) ประกอบด้วยทักษะ 9 ด้าน ประกอบด้วย

1. Working memory
    ความจำที่นำมาใช้งาน - ความสามารถในการเก็บข้อมูล
2. Inhibitory Control
    การยั้งคิด - และการควบคุมแรงปรารถนาของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
3. Shift หรือ Cognitive Flexibility
    การยืดหยุ่นความคิด - สามารถปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปยืดหยุ่นพลิกเเพลงเป็น
4. Focus / Attention
    การใส่ใจจดจ่อ - มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก
5. Emotional Control
    การควบคุมอารมณ์ - ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับความเครียดความเหงาได้ มีอารมณ์มั่นคง และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น
6. Planning and Organizing
    การวางแผนและจัดการระบบดำเนินการ - เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการแตกเป้าหมายให้เป็นขั้นตอน
7. Self - Monitoring
    การรู้จักประเมินตนเอง - รวมถึงการตรวจสอบการงานเพื่อหาจุดบกพร่อง และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ได้ผลอย่างไร
8. Initiating
    การริเริ่มและลงมือทำงานตามที่คิด - เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
9. Goal - Directed Persistence
     ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย - เมื่อตั้งใจและลงมือทำแล้ว มีความมุ่งมั่นบากบั่น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆก็พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสำเร็จ

 


กลุ่มที่ 6 นำเสนอนวัตกรรม (Executions)EF

               Executive คือ กระบวนการทางความคิดในส่วน "สมองส่วนหน้า"
  - เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การกระทำ เป็นความสามารถของสมองที่ใช้บริหารจัดการชีวิต
- โดยในช่วงวัย 3-6 ปีของเด็กทจะเป็นช่วงที่ดีในการพัฒนาทักษะ
EF ให้กับเด็ก
- ในช่วงนี้สมองจะมีการพัฒนาทักษะ EFได้ดีที่สุด และหากพ้น
จากช่วงเวลานี้ไป
แม้ทักษะ EF จะยังมีการพัฒนาต่อได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงในปฐมวัย
-ซึ่งทักษะ EF นั้น จะช่วยกำกับพฤติกรรมและอารมณ์ ช่วยปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
-ช่วยให้สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหา วางแแผน และจัดการงานต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ดี










         จากการติดตาม EF ระยะยาวตั้งแต่อายุ 6-15 ปี
-พบว่าความจำใช้งานเริ่มชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่อายุ 6-12 ปี
-ในขณะที่ความยืดหยุ่นในการคิดวิเคราะห์จะมากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างอายุ 12-15 ปี การควบคุมยับยั้งจะสำคัญที่สุดและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง













๐ ประโยชน์ของ EF
   - ส่งผลให้มีความจำดี มีสมาธิจดจ่อสามารถทำงานต่อเนื่องได้จนเสร็จ
   - รู้จักการวิเคราะห์ มีการวางแผนงานอย่างเป็นระบบ ลงมือทำงานได้
   - เป็นคนที่อดทนได้ รอคอยเป็น มีความมุ่งมั่นพร้อมรับผิดชอบที่จะไปสู่ความสำเร็จ
๐ ข้อจำกัดของ EF
   - ความจำไม่ดี เรียนรู้ไม่ได้ ทำผิดซ้ำซาก
   - ปรับตัวไม่ได้ อารมณ์เสียเมื่อต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
   - อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง เศร้าเสียใจยาวนาน
   - มีปัญหาในการเข้าสังคม
   - มีแนวโน้มเจ็บป่วยโรคจิตเภท เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ฯลฯ
   - มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดในชีวิต เช่น สมาธิสั้น หรือ อัลไซเมอร์  




กลุ่มที่ 7 นำเสนอนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้แบบ Project Approach
             การสอบแบบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้

 ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยคววามสะดวกให้ เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

       วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4  ระยะ คือ
ระยะที่1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วกันคิดเรื่องที่น่าสนใจ
ระยะที่2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไรกำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะและวิธีการศึกษา
ระยะที่3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
ระยะที่4 สรุปโครงการ  ครูและเด็กร่วมกันวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน




กลุ่มที่ 8 นำเสนอนวัตกรรม STEM (Science Technology Engineering and Mathematics Education)
              แนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเชื่อมโยงและแก้ปัญหา ในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะแห่งสตวรรษที่ 21 




กลุ่มที่ 9 นำเสนอนวัตกรรม มอนเตสเซอรี่ (Montessori)


            ๐ จุดมุ่งหมายของการศึกษาแบบมอนเตสเซอรี่ คือ "ช่วยพัฒนา หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพในวิถีต่าง ๆ อย่างมากมาย"
            - ลักษณะการสอนระบบนี้ เด็กจะก้าวหน้าไปตามธรรมชาติของการพัฒนาของเด็ก เด็กมีอิสรภาพในการเลือกจากสิ่งแวดล้อมที่มีสิ่งต่างๆ
            - เด็กปกติในสิ่งแวดล้อมของมอนเตสเซอรี่ จะพัฒนาการเรียนรู้ในการทำงานด้วยตนเองและความรู้สึกของความรับผิดชอบ มีวิธีการที่จะควบคุมตนเองได้สำเร็จ



กลุ่มที่ 10 นำเสนอนวัตกรรม มอนเตสเซอรี่ (Montessori)
           หลักการของ Montessori
            ในการศึกษาแนวทางของมอนเตสเซอรี่มีหลักอยู่ 5 ประการ คือ
1. เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ เพราะเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ผู้ใหญ่จึงควรยอมรับในแบบที่เขาเป็น และพัฒนาเด็กไปตามจุดแข็ง
2. เด็กที่มีจิตซึมซาบได้ จิตใจของเด็กในวัยเรียนรู้ ซึมซับ ข้อมูลทุกอย่างได้ ง่ายมากๆ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่เกิด ถึง 3 ขวบ ผ่านประสาทสัมผัสด้าน การชิม การดมกลิ่น และการสัมผัส
3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต ช่วงแรกจนถึง 6 ขวบเป็นช่วงที่สำคัญมากในการพัฒนาทั้งสติปัญญาและจิตใจ ในช่วงนี้ควรมีอิสระ ช่วงนี้เด็กๆ สามารถเรียนรู้ทักษะเฉพาะอย่างได้ดีดังนั้นควรหมั่นสังเกตความสนใจ และเตรียมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกัน
4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม เด็กจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งการเรียนแบบมอนเตสเซอรี่จะมีการเตรียมสภาพแวดล้อมให้เด็กกๆ ไว้เป็นอย่างดี
5. การศึกษาด้วยตนเอง มอนเตสเซอรี่มีความเชื่อว่า "ไม่ควรช่วยเด็กๆ ในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าทำได้" การศึกษาด้วยตนเองทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย ได้ทดลองแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง และทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจพร้อมทั้งเกิดการเห็นคุณค่าในตนเอง


เพิ่มเติม กลุ่มที่ต้องกลับไปแก้ไขในสัปดาห์ที่แล้ว และมานำเสนอในครั้งนี้
             * นำเสนอนวัตกรรม ไฮสโคป (High Scope)
                       ไฮสโคป (High Scope) เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้
แบบลงมือทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสม
กับการพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ซึ่งตรงตามทฤษฏีพัฒนาการทางสติปัญญา (Cognitive Theory) ของเปียเจต์ (Piaget) นักการศึกษาที่สำคัญคนหนึ่งของโลกม ความสำคัญในด้านพื้นฐานโดยเฉพาะการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน จะเน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Active Learning)  เพราะเด็กจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงทำให้เกิดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง

          แนวการสอนแบบไฮสโคป (High Scope) เป็นอย่างไร
ไฮสโคป (High Scope) ใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ หรือการดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก และเด็กกับเด็ก จะได้รู้ว่าทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมนี้เด็กอาจแสดงภาพด้วยสัญลักษณ์ประจำตัวเด็กหรือบอกให้ครูบันทึก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือแและตัดสินใจ

 2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกันอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดยครูเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสม เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทบทวนจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบารณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง



Teaching Methodes *
   -การสอนโดยให้นักศึกษามาแลกเปลี่ยนความรู้

* Apply *
   - ทำการเสนอออกมาได้น่าสนใจทำให้เพื่อน ๆ เข้าใจง่ายขึ้น

* Evalaute Teaching and Learning *
  
Self - assessment

 ๐วันนี้เรียนรวมกันทั้งสองกลุ่มเรียน มีการนำเสนองาน ซึ่งดิฉันตั้งใจเรียนอย่างมาก

Evalaute friends

๐มีการนำเสนองานหลายรูปแบบ เป็นการแลกเปลี่ยนที่ดี

Evalaute teacher

๐อาจารย์แนะนำหัวข้อที่ควรเพิ่มเติม และอธิบายให้เข้าใจมากขึ้น





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้